กลองเส็ง
บ้านละหาน ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของกลองเส็ง
กลองเส็ง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กลองกิ่ง ในสมัยโบราณกลองเส็งใช้เป็นสัญญาณส่งข่าวบอกเหตุนอกจากนี้กลองเส็งยังเป็นเครื่องดนตรีสำคัญที่ใช้ตีในพิธีกรรม ตีในกิจกรรมบันเทิงประกอบการฟ้อนรำ ในอดีตแทบทุกหมู่บ้านของจังหวัดชัยภูมิมีกลองเส็งแทบทุกหมู่บ้านโดยนิยมนำไปเก็บรักษาไว้ที่วัดเพราะเชื่อถือกันว่าวัดเป็นศูนย์กลางของบ้านเวลามีงานเทศกาลทุกคนก็จะมารวมกันอยู่ที่วัด ในปัจจุบันมีข้อมูลพบว่ากลองเส็งมีอยู่ 4 อำเภอคือ เมืองชัยภูมิมีที่บ้านขี้เหล็กใหญ่ บ้านหนองบัวขาว บ้านหัวหนอง อำเภอจัตุรัสมีที่บ้านละหาน บ้านห้วยยาง บ้านหนองสมบูรณ์ บ้านมะเกลือ บ้านหนองม่วง บ้านตลาด บ้านหนองบัวใหญ่ บ้านหนองบัวบาน บ้านส้มป่อย บ้านโนนม่วงและบ้านโนนเชือก อำเภอบ้านเขว้ามีที่บ้านเขว้า วัดเจริญผล วัดมัชฌิมาวาส วัดปทุมาวาสและอำเภอหนองบัวระเหวมีที่วัดละหานค่าย
ความเชื่อเกี่ยวกับกลอง
ชาวบ้านมีความเชื่อว่ากลองเส็งเป็นสัญญาณแห่งความสามัคคีผู้ทำจึงมีวิธีการที่ละเอียดอ่อน ประณีตบรรจงผู้ทำใส่ ความรู้สึกใส่จิตวิญญาณเข้าไปในตัวกลองในทุกขั้นตอนเริ่มตั้งแต่เข้าป่าเพื่อเลือกไม้ต้องเลือกวัน เดือนที่เจ้าป่าเจ้าเขาเพื่อขออนุญาตตัดไม้ซึ่งวันที่เจ้าป่าเจ้าเขาไม่อยู่ก็คือวันพระเมื่อเลือกต้นไม้ที่จะตัดแล้วก็ต้องขอให้นางไม้ช่วยให้เสียงกลอง
ดังเมื่อทำเสร็จแล้วจึงต้องบูชาเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา นางไม้และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่ ณ ป่าแห่งนี้ด้วยการจัดทำขันธ์ 5 ประกอบด้ายดอกไม้ขาว 5 คู่ เทียน 5 คู่ วางใส่ถาดอย่างเหมาะสมให้เทวดานางไม้ไดรับรู้ว่าตัดไม้ไปทำกลองเส็งขออย่าให้มีอุปสรรคใดๆเมื่อทำเช่นนี้เชื่อกันว่ากลองจะตีเสียงดัง ทำง่าย ไม่มีอุปสรรค ตลอดทั้งสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนทุกคนที่ได้ยินเสียงกลองและถ้ามีการจัดแข่งขันก็จะได้รับชัยชนะดังที่เป็นภาษาชาวบ้านว่า “โอ้น้องนางไม้เอ๋ยผู้ข้าจะขอไม้งามๆไปเฮ็ดกลองเส็งแล้วผู้ข้าสิพาไปประชันขันแข่งขออย่าให้ตื่น ได้ท่วงมั่นๆ เหนียวๆ สิบบ้านซาห้าบ้านลือ พุ่นเด้อ สาธุ”
ลักษณะของกลองเส็ง
กลองเส็งเป็นกลองสองหน้า ตัวกลองทำด้วยไม้ประดู่หุ้มด้วยหนัง ดึงให้ตึงด้วยเชือกหนังแต่ในปัจจุบันใช้เชือกไนล่อนแทน กลองเส็งมีขนาดต่างกันความยาวประมาณ 85 เซนติเมตร ความกว้างของหน้ากลองประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนความกว้างด้นล่างประมาณ 20 เซนติเมตร กลองเส็งที่ชาวบ้านนิยมทำกันจะมีขนาดหน้ากลอง 3 ขนาดคือขนาด 18 นิ้ว ขนาด 20 นิ้วและขนาด 22 นิ้วขึ้นอยู่กับการใช้งานชุดหนึ่งจะมีกลอง 2 ลูกตีด้วยแส้ที่ทำจากไม้เค็งยาวประมาณ 85 เซนติเมตรเสียงดังมากการปรับเสียงจะปรับให้ดังกังวานมากที่สุดส่วนประกอบของกลองเส็ง
ในการทำกลองเส็งช่างทำกลองเส็งจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ในกระบวนการต่างๆเป็นอย่างดีได้แก่ รูปแบบของกลอง เทคนิคในการทำกลองตลอดจนความเชื่อเรื่องโชคลางต่างๆที่มีส่วนสัมพันธ์กับกลองเส็งดังนั้นจึงต้องอาศัยข้อมูลต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเตรียมที่จะทำกลองให้สมบูรณ์
1.ตัวกลอง
ภาพตัวกลอง ที่เจาะเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะขึ้นหนังหน้ากลอง |
มีรูปร่างไม่เหมือนกลองชนิดอื่นคือ ปากกว้างก้นแคบทำจากไม้ประดู่หรือไม้พยุง การเลือกไม้ให้เลือกต้นที่มีขนาดพอเหมาะคือ มีขนาดวัดโดยรอบ 1 คนโอบหรือประมาณ 100-150 เซนติเมตรต้นไม้จะต้องไม่เป็นโพรงหรือมีแมลงเจาะจนเป็นรู จากนั้นชาวบ้านก็จะใช้เลื่อยใหญ่ตัดต้นไม้และเลือกตัดไม้เป็นท่อนยาวประมาณ 90 เซนติเมตร
2.หนังกลอง เป็นวัสดุที่สำคัญใช้ทำหน้ากลอง ใช้หนังควายอาจเป็นหนังควายสีดำหรือหนังควายสีเผือกก็ได้ ลักษณะที่ดีคือมีขนยาวรูขุมขนมีระยะห่างกันพอสมควร ใช้หนังควายตัวเมียที่เคยตกลูกมาแล้ว 3-4 ตัว หากเป็นตัวผู้ควรมีอายุระหว่าง 3-5 ปี สังเกตจากความยาวของใบหู 2 ข้างถ้ายาวเท่ากันก็ใช้หนังทำหน้ากลอง
3.หนังร้อย หนังชักหรือหนังริวใช้หนังควายส่วนใดก็ได้ต้องใช้มีดปลายแหลมกรีดออกเป็นเส้นๆกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ยาวไม่กำหนดการต่อหนังต้องต่อกันตอนที่หนังยังไม่แห้งบิดพันกันแล้วนำไปตากแดด 3-5 วัน ใช้สำหรับร้อยหูกลองเพื่อโยงหนังหน้ากลองแล้วดึงมาร้อยกับเหล็กส่วนล่างให้ตึงแต่ปัจจุบันเนื่องจากหนังหายากจึงใช้เชืกไนล่อนเบอร์ 12
1.วิธีทำตัวกลอง
2.วิธีขึ้นหนังหน้ากลอง
เมื่อได้หนังที่ผ่านการตำจนนิ่มแล้วนำหนังหน้ากลองวางคว่ำที่ปากกลองใช้ไม้ขาไซสอดเข้าที่รูหูบักโก รูหูบักโก คือรูที่เจาะบนแผ่นหนังซึ่งเป็นรูที่เจาะรอบๆแผ่นหนังกลองใช้ไม้ขาไซสอดที่รูหูบักโกจนครบทุกรู ใช้เชือกซึ่งเมื่อก่อนจะใช้หนังควายตากแดดให้แห้งบิดเป็นเกลียวแต่ปัจจุบันใช้เชือกไนล่อนร้อยสอดไปตามไม้ขาไซเพื่อคล้องที่หูกลองไปยังเหล็กหน้าน้อยขึ้นลงในลักษณะฟันปลาแล้วดึงให้ตึง จากนั้นถอดไม้ขาไซออกเพื่อรอขึงด้วยไม้กา
วิธีการขึงหน้ากลองด้วยไม้กา
ไม้ขี้พร้า หรือลิ่ม |
การทดสอบกลอง
ขั้นตอนการขึ้นหลัง |
เครื่องมือที่ใช้ในการขึ้นหนังหน้ากลอง
1.ใช้ไม้ขาไซ เป็นวัสดุที่ทำจากไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่ๆ มีความยาวเท่ากับขนาดกลองกว้าง 1-1.5 เซนติเมตรเหลาปลายด้นหนึ่งให้แหลม ใช้สำหรับแผ่นหนังหน้ากลองในการขึ้นหนัง หน้ากลองก่อนที่ใช้หนังร้อยดึงหนังหน้ากลอง
ขัดกระดาษทราย |
3.ไม้เสี่ยม ทำจากไม้ประดู่หรือไม้เนื้อแข็งชนิดอื่นก็ได้ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร มีลักษณะคล้ายค้อน ปลายด้นหนึ่งเรียวใช้สำหรับงัดหนังร้อยเพื่อดึงหน้ากลอง ช่างกลองจะนิยมทำเป็นคู่ๆ
ทดสอบเสียงกลอง |
5.ไม้กางัด ทำจากต้นไม้เนื้อแข็งยาวประมาณ 6-8 เมตร ด้านโคนเจาะรูทะลุ 4 รู รูปสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ 6 เซนติเมตร ยาง 8 เซนติเมตร และใช้ไม้ไม้เนื้อแข็งยาว 8 เมตรสอดเข้าเป็นเครื่องหมายบวก ปลายอีกด้นหนึ่งเป็นรูปตัวยู(U)สำหรับงัดและบิดให้ตึง
ใบสบู่ดำ |
กระดาษทราย |
ค้อนที่ใช้ในกระบวนการทำกลอง ปรับแต่งหน้ากลอง |
เชือกไนล่อน และกระดาษเขียนแบบหน้ากลอง |
เหล็กหน้าน้อย ใช้สำหรับรองหน้ากลองด้านเล็ก |
อุปกรณ์ในการตีกลอง
ไม้ตีกลอง |
เนื่องจากกลองเส็งเป็นกลองที่จัดทำขึ้นมาเพื่อตีประโคมให้เกิดเสียงดังเป็นสำคัญ ต่อมามีผู้คิดให้นำมาประชันความเด่นว่า กลองคู่ใดมีเสียงดัง การเส็งกลองนิยมตีกันเป็นคู่ๆ
การเส็งกลองมี 2 ลักษณะคือ การตีตั้งและการตีนอนกลองที่จะนำมาตี 1 ชุดประกอบด้วยกลอง 2 ใบ ผู้ตีกลอง 1 คนใช้ไม้ตี 2 อัน การตีชุดหนึ่งๆใช้ผู้ตี 5 คน
การเส็งกลอง คือ การตีกลองแข่งขัน วัดด้วยความแรงและความดังของเสียง ภูมิปัญญาชาวบ้านดั้งเดิมใช้ภาชนะประเภทกระถางดินปากบานหรือกะละมังเผาใส่น้ำให้เต็มตั้งไว้ด้านหน้ากลองที่กำลังตีอยู่หากน้ำในภาชนะของฝ่ายใดกระเพื่อมออกมากกว่าถือว่าชนะ
การเก็บรักษากลองเส็ง
ในสังคมชนบทของชาวชัยภูมิสมัยก่อน ชาวบ้านให้ความร่วมมือและพร้อมใจกันทำกลองเส็ง เพื่อเป็นสมบัติส่วนรวมของหมู่บ้าน ทุกบ้านจะมีกลองเส็งอย่างน้อยบ้านละ 1 คู่ ซึ่งชาวบ้านจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่วัด กลองเส็งจึงเป็นสิ่งมีค่าและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมของหมู่บ้าน
โอกาสที่บรรเลง
หนังควาย |
การเทียบเสียง
ไม่มีการเทียบระดับเสียง แต่พยายามปรับให้มีเสียงดังกังวานมากที่สุดเท่าที่จะดังได้ ไม่มีระดับเสียงแน่นอนแล้วแต่ผู้ทำ
กลองเส็งกับการปรับเปลี่ยนทางสังคม
การสืบทอดในปัจจุบันนี้เกี่ยวกับเรื่องกลองเส็ง หากดูทั่วๆไปนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเนื่องจากปัจจัยต่างๆนั้นไม่ได้อำนวยเหมือนสมัยก่อนอันได้แก่ กระบวนการผลิตกลองก็น้อยลงเรื่อยๆ ส่วนมากจะปรากฏแต่กลองที่เคยทำและใช้มาหลายปีแล้วเกี่ยวกับช่างกลองก็ชรามากและเสียชีวิตไปแล้ว คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจที่จะสืบทอด ทำให้กลองเส็งในจังหวัดชัยภูมิใกล้จะสูญหาย
การเดาะกลอง |
การตีเพื่อแข่งขัน |
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
ด้านการแต่งกาย การเส็งกลอง มีการแต่งกายโดยใส่เสื้อม่อฮ้อม หรือเสื้อผ้าไหม นุ่งผ้าโสร่งและผ้าขาวม้าคาดเอวซึ่งเป็นชุดพื้นเมืองของชาวอีสาน
ด้านประเพณี ให้ลูกหลานหรือคนรุ่นหลังมีโอกาสได้ศึกษาเพราะคนเฒ่าคนแก่เริ่มไม่มีแรงเส็งกลอง จึงต้องให้ลูกหลานที่มีกำลังแรงดีมาเส็งกลองแทนถือเป็นการสืบทอดประเพณีการเส็งกลองบางท้องถิ่นยังมีการใช้กลองเป็นสัญญาณต่างๆ เช่น ตีตอนเรียกชาวบ้านประชุม ตีย่ำค่ำเรียกว่า ”กลองแลง” ตีตอนกลางคืนรียกว่า ”กลองดึก” เป็นต้น
เยี่ยม
ตอบลบเยี่ยม
ตอบลบขอบคุณแทนลูกๆหลานๆรุ่นต่อๆไปด้วยครับ
ตอบลบสำหรับความรู้และข้อมูล
ตอบลบปัจจุบันยังมีการแข่งขันอยู่มั้ยครับ
ตอบลบ